วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2554

ขนม ญี่ปุ่น น่ากิ๊น น่ากินนนนนนนน






ขนมหวานญี่ปุ่นเรียกรวมกันว่า "วากาชิ" (Wagashi) มีมานานตั้งแต่สมัยนะระหรือประมาณ 1,300 ปีมาแล้ว แต่เฟื่องฟูสุดๆในช่วงเอโดะ (ปี ค.ศ. 1603-1867) โดยเฉพาะในเมืองเกียวโตและโตเกียว แต่ละร้านแข่งกันขายแข่งกันคิดขนมใหม่ๆจนกลายเป็นต้นตำรับของขนมญี่ปุ่น

ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นขนมหวานประจำชาติ แต่ชาวญี่ปุ่นก็ไม่ได้กินวากาชิกันบ่อยๆ ประเภทกินตบท้ายมื้ออาหารแบบบ้านเรานั้นไม่มี เพราะเขานิยมกินผลไม้กันมากกว่า ส่วนวากาชินี้จะกินเป็นของว่างและในโอกาสพิเศษเมื่อมีพิธีการต่างๆเช่น พิธีแต่งงาน หรือพิธีชงชา

แรงบันดาลใจของพ่อครัวแม่ครัวในการสร้างสรรค์ขนมวากาชินั้นก็ได้มาจากธรรมชาติ ต้นไม้ ดอกไม้ การเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล เช่น ฤดูใบไม้ร่วงจะทำขนมคิคุโกะโระโมะรูปดอกเบญจมาศ ส่วนฤดูหนาวก็ทำยูคิโมจิ หรือโมจิหิมะ เป็นต้น

มาถึงการแบ่งประเภทของวากาชิกันบ้าง ซึ่งก็ไม่ได้แบ่งเป็นหมวดหมู่ชัดเจนเพราะขนมแต่ละชิ้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่ถ้าแยกตามวัตถุดิบและวิธีทำก็พอจะแบ่งแบบกว้างๆได้ตามนี้

( รูปวากาชิแต่ละชนิดจะวางไว้ด้านบนของชนิดนั้นๆ นะค่ะ )


โจ-นะมะกะชิ (Jyo-Namagashi)
ขนมญี่ปุ่นส่วนใหญ่จัดอยู่ในกลุ่มนี้ เป็นแป้งห่อไส้ถั่วแดงบดหรือ "อัน" (An) แป้งที่นำมาห่อหุ้มมีทั้งแป้งท้าวยายม่อม แป้งข้าวเหนียว แป้งข้าวเจ้า ปั้นเป็นรูปทรงต่างๆทั้งดอกไม้ ผลไม้ พระจันทร์ ซึ่งจะออกแบบให้เข้ากับฤดูกาล ทั้งชื่อขนม ส่วนผสม รูปทรงและสีสัน เป็นสัญลักษณ์ที่ทำให้ผู้คนได้รู้ว่าฤดูกาลใหม่กำลังจะมาเยือน ตัวอย่างเช่น ซากุระโมจิ (โมจิสีชมพูห่อด้วยใบซากุระ) ซึ่งจะออกในช่วงฤดูใบไม้ผลิ







ฮิงะชิ (Higashi)

เป็นขนมแบบแห้ง เก็บไว้ได้นาน ทำจากแป้งข้าวเหนียว น้ำตาล และวาซัมบงโตะ (Wasambon-to) น้ำตาลผงที่ทำด้วยกรรมวิธีแบบดั้งเดิมผสมกันแล้วนำมาอัดในพิมพ์ ได้ขนมที่ผิวเป็นแป้งแห้งๆคล้ายขนมโก๋ เสิร์ฟในพิธีชงชา



เซมเบ้ (Sembei)
เป็นข้าวเกรียบสีน้ำตาล เคี้ยวกรุบกรอบ มีหลากรูปร่างหลายขนาด (ใหญ่ที่สุดที่เคยเห็นก็ขนาดเท่าแผ่นเสียง) แต่แบบยอดฮิตคือทรงกลมแบนเหมือนที่รองแก้ว ทำจากข้าวเหนียวนำมาปิ้ง แต่งรสด้วยโชยุและเกลือเป็นหลัก ราดหน้าด้วยงา สาหร่าย พริก เพิ่มกลิ่น เพิ่มรสให้อร่อยกันได้หลายแบบ นอกจากนี้ยังมีเซมเบ้แบบหวานหรือซาราเมะ เซมเบ้ (Sarame Sembei) ทำจากแป้งสาลี น้ำตาลและกลูโคส










โมะนะกะ (Monaka)

คือเวเฟอร์ไส้ถั่วแดง มีทั้งถั่วบดและแบบเต็มเม็ด ประกบด้วยแผ่นแป้งบางกรอบทำจากข้าวเหนียว ทำเป็นรูปวงกลม สี่เหลี่ยมดอกซากุระ และอีกสารพัดรูปแล้วแต่จะสร้างสรรค์ โดดเด่นที่ความกรอบกับความนิ่มผสานกับรสหวานๆมันๆ นอกจากไส้ถั่วแดงแล้วยังมีไส้ชาเขียวและถั่วอื่นๆด้วย







โยคัง (Yokan)
ใช้ส่วนผสมหลักคือวุ้นที่ได้จากสาหร่าย เรียกว่า คันเตน (Kanten) แบ่งได้ 2 แบบใหญ่ๆ คือ มิซุ โยคัง เป็นวุ้นใสๆแช่เย็น กินในฤดร้อนผสมผลไม้ลงไป ได้รสหวานเย็น หอมชื่นใจ อีกชนิดคือ มุชิ โยคัง เป็นวุ้นขุ่นๆ เนื้อนิ่มเหนียว ตัดเป็นชิ้นเหลี่ยมพอคำ ทำจากถั่ว เกาลัด หรือมันที่บดละเอียด แป้งสาลี น้ำตาล และคันเตน








มันจู (Manjyu)
เป็นขนมกลมๆแป้งด้านนอกที่ห่อทำจากแป้งมันเทศ (บางครั้งใช้แป้งโซบะ) ไส้เป็นถั่วบดและมีมันเทศหรือเกาลัดอยู่ตรงกลางไส้อีกที นำไปนึ่ง อบหรือย่าง จึงได้ขนมอร่อยโดยเฉพาะขนมโมมิจิมันจูที่เมืองมิยาจิมาโดดเด่นที่ห่อด้วยใบเมเปิล มีหลายไส้ทั้งถั่วแดงบด คัสตาร์ด ช็อคโกแลต ถือเป็นของเนของดังที่ไม่ว่าใครไปเยือนก็ต้องลองชิม









ดังโกะ (Dango)
มีเป็นสิบสูตร แต่ที่หน้าตาเหมือนลูกชิ้นเสียบไม้ที่เราเคยเห็นกันเรียกว่า คุชิ ดังโกะ ทำจากแป้งโมจิ บางครั้งก็ผสมเต้าหู้ลงไปในแป้งด้วย ปั้นเป็นลูกกลม เสียบไม้แล้วนำไปปิ้ง ได้ลูกชิ้นแป้งนุ่มๆเหนียวๆราดซอสโชยุ ซอสเต้าเจี้ยว หรือเกาลัดบด หรือจะโรยด้วยถั่วบดกับน้ำตาลทรายแดงก็เข้าท่า




Box o’ daifuku

 

ไดฟุกุ (Daifuku)

คนไทยเราชอบเรียกว่าโมจิไส้ถั่วแดง แต่จริงๆเขาเรียกขนมประเภทนี้ว่าไดฟุกุ แป้งด้านนอกทำจากแป้งข้าวเหนียวนึ่งที่นำมาตีจนเหนียว (โมจิ) มีสีขาว เขียวและชมพู ส่วนไส้ก็เป็นถั่วแดง ที่พิเศษก็จะใส่ผลไม้ลงไป เช่น อิจิโกะ ไดฟุกุ (Ichigo Daifuku) เป็นโมจิไส้ลูกสตรอร์เบอร์รี่หอมหวาน อร่อยจับใจ นอกจากนั้นยังมีไส้เมลอนบดและไอศกรีมรสต่างๆด้วย















ไทยะกิ (Tai Yaki)
ขนมหน้าตาน่ารักรูปปลาตัวเท่าผ่ามือ เป็นขนมที่จำลองรูปแบบของปลากะพงแดง เรียกอีกชื่อว่า "แพนเค้กญี่ปุ่น" เนื้อแป้งแน่นและเหนียวนุ่ม นอกจากไส้ถั่วแดงมาตรฐานแล้วก็มีไส้เกาลัด ไส้มันหวานและอีกสารพัดไส้ รูปทรงก็มีสารพัดรูปเช่นกัน ทั้งรูปตุ๊กตา รูปกลมๆ แบนๆ ที่เรียกว่า อิมะกะวะ ยะกิ และที่เรารู้จักกันดีที่สุด โดรายากิ ขนมสุดโปรดของโดราเอมอนที่เป็นรูปฆ้องนั่นเอง


ได้รู้จักวากาชิหลายแบบหลากรสไปแล้วถ้าวันไหนเบื่อขนมแบบเดิมๆที่ทานอยู่ ลองเปลี่ยนบรรยากาศมากินขนมญี่ปุ่นแกล้มชาเขียว แนะนำให้เลือกชารสเข้มออกขมสักหน่อย จะช่วยตัดความหวานจัดของขนมให้เหลือแค่หวานพอดีๆ...


ขนมไว้กินกับชา


uiro sakuraกับลูกเกาลัดหวาน imo uiro ( อุยโร มันเทศ)

ขนม อุยโร เป็นแป้งสดนึ่ง ใส่ลูกเกาลัด และดอกซากุระ ส่วนอีกอันเป็นแป้งสดนึ่งใส่ มันเทศหวาน อร่อยทั้งคู่ เป็นขนมที่อยู่ได้แค่วันสองวันเท่านั้นค่ะ




ไข่ขาวตีฟูใส่ดอกซากุระ เบามาก พอเข้าปากก็ละลายตามลิ้นเลยค่ะ รสชาติกำซาบซ่านเหลือใจ ทั้งหวานทั้งหอม




อ๊ามมมม อร่อยใหมคะ









shira tama กับลูกเกาลัดเชื่อมและ ถั่วแดง




ขนมแป้ง ซากุระโมจิ แบบไม่มีใส้ คลุกน้ำตาล อร่อยมากเลยค่ะ เวลาเคี้ยวรู้สึกถึงความเหนียวนุ่มกำลังดี มีขายเฉพาะตอนหน้าซากุระเท่านั้นค่ะ ทำขายแค่ สองอาทิตย์เท่านั้นด้วย(เล่นตัวสุดๆเลย)







ซากุระโมจิ ขนมนี้เป็นขนมที่ใครๆก็เคยเห็นหรือรู้จักข้าวเหนียวห่อด้วยใบซากุระอ่อนหมักเกลือ ใส้ถั่วแดงบด เวลาทานจะมีรสเค็มๆหวานๆ อร่อยมาก ยิ่งตอนจิบน้ำชาขมๆตามเข้าไปยิ่งอร่อยกำซาบ ลิ้น มากขึ้น





aka fuku นี่ก็เป็นขนมหวานที่ใครๆก็รู้จักกันดี อร่อยค่ะแต่หวานแสบทรวง หลังๆมานี่เขาลดความหวานลงไปเยอะ ป้าต่ายเลยพอทานได้บ้าง






ถั่วแดงค่ะ ใส้ข้างในเป็นถั่วแดงบดละเอียด







kuri manju ใส้ลูกเกาลัดบดหวาน ทำเหมือนลูกเกาลัดตอนยังไม่ปลอกเปลือกเลยนะคะ











dan go ซากุระ และ มัจจา (ชาเขียว) มีเพลงชื่อ dango san kyodai (แป้งต้มปั้นกลม สาม พี่น้อง ) เป็นเพลง hit มากเหมือนกัน เด็กๆชอบร้องเพลงนี้กันด้วยนะ







yomogi manju (หญ้า yomogi ต้มสุก แล้วปั่นให้ละเอียด ผสมแป้งข้าวเหนียว ยัดใส้ถั่วแดงบดหยาบ)




ไม่ทราบว่าจะถูกปากหรือเปล่า ใครชอบทานอะไรก็เชิญเลือกทานได้ตามชอบนะคะ

ป้าต่ายชอบทานขนมหวานเป็นอย่างมาก ถึงได้ตัวกลมป่านนี้ไงล่ะ
พอตกบ่ายๆก็หาขนมหวานทานแล้วไม่ว่าจะเป็นขนมแบบยุ่นหรือขนมเค็กแบบฝาหรั่งได้ท๊างน๊าน อนาคตน่ากลัวโรคเบาหวานถามหาเหลือเกินนะ

ซากุระ ชา ค่ะ หน้าตาเป็นแบบนี้






วันเสาร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2554

---->ภาพดาวเทียม เผย รูปร่างที่แท้จริง ของโลกเรา


พดาวเทียม เผย รูปร่างที่แท้จริง ของโลก
 

ภาพดาวเทียม เผย รูปร่างที่แท้จริง ของโลก
Mthai news: หากมองแบบผิวเผินจะเห็นว่า รูปต่อไปนี้คล้ายกับอุกกาบาต โคจรอยู่ในอวกาศ แต่ภาพวัตถุหลากสีนี้ แท้จริงแล้วก็คือโลกของเรา ที่แสดงให้เห็นถึงแรงดึงดูดที่มีผลต่อรูปร่างในพื้นที่ต่างๆ บนโลก
โดยทีมสำรวจ ดาวเทียมที่ชื่อว่า  GOCE เผยแพร่ภาพออกมา โดยระบุว่า เป็นรูปร่างที่แท้จริงของโลก ซึ่งสีเหลืองเป็นพื้นที่ทีมีแรงดึงดูดมากที่สุด ส่วนสีฟ้าคือพื้นที่ที่มีแรงดึงดูดของโลกน้อยที่สุด
จะเห็นได้ว่า ภาพที่ปรากฎยังไม่มีความแตกต่างที่ชัดเจนของแรงดึงดูดระหว่างพื้นดินกับพื้นทะเล และแรงดึงดูดที่อเมริกาเหนือ ต่ำกว่าทวีปแอฟริกา ข้อมูลที่ได้จะเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาระบบมหาสมุทร การเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำ และสภาพน้ำแข็งบนผิวโลก  อีกทั้งยังทำให้เราเข้าใจถึงสภาพการเปลี่ยนแปลงของภูมิประเทศด้วย
นอกจากนี้ข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ในการศึกษาว่า ภัยพิบัติต่างๆ นั้นเกิดจากสาเหตุใด และเราจะสามารถทำนายเพื่อวางแผนหาทางป้องกันโดยมีข้อมูลอ้างอิง

วันพุธที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2554

ยีนส์ขาสั้น ...ใส่กี่ที ดูดีทุกครั้ง ไม่มีเบื่อ


สาวๆ คนไหนที่ชอบใส่ยีนส์โดยเฉพาะ "กางเกงยีนส์ขาสั้น" ฟังทางนี้เลยค่ะ วันนี้บูรินมีแฟชั่นเด็ดๆ ที่คุณสาวๆ สามารถเอาไปมิ๊กแอนด์แม็ตกับกางเกงยีนส์ขาสั้นสุดโปรดของคุณได้ง่ายๆ สบายๆ แบบชิลล์ๆเพียงแค่คุณสาวๆ ไปที่ตู้เสื้อผ้าแล้วลองดูว่าคุณมีกางเกงยีนส์ขาสั้นตัวโปรดกี่ตัวแบบไหน บ้าง จากนั้น มาดูไปพร้อมๆ กันนะคะว่ากางเกงยีนส์ขาสั้นที่คุณสาวๆ มีนั้นจะเอามามิ๊กแอนด์แม็ตได้อย่างไรบ้าง...



- แบบที่ 1 ใส่คู่กับเสื้อยืด แบบเบสิคเลยค่ะ กางเกงยีนส์ขาสั้นกับเสื้อยืด ถ้าคิดไม่ออกว่าจะใส่คู่กับอะไร ก็เสื้อยืดนี่เลยค่ะ ดีที่สุด จะเป็นเสื้อยืดลายเท่ห์ๆ หรือสีพื้นเรียบๆ ก็แล้วแต่ความชอบส่วนตัวเลย เพื่อความเก๋ด้วยการคาดเข็มขัดและใส่รองเท้าผ้าใบสักคู่ที่เข้ากันรับรอง เท่านี้ก็เป็นสาวเท่ห์อย่าบอกใครเชียว



- แบบที่ 2 ใส่คู่กับเสื้อผ้าชีฟองหรือผ้าฝ้าย ลุคนี้จะได้อารมณ์เป็นสาวหวานขึ้นมาหน่อย สามารถใส่ได้ในวันสบายๆ เพราะเนื้อผ้าแบบนี้จะไม่ร้อน และรูปแบบของเสื้อก็มีหลายหลายให้เลือกว่าเสื้อยืด ไม่ว่าจะเป็นความหลากหลายของเนื้อผ้าและรูปทรงใส่คู่กับรองเท้าส้นเตี้ย สะพายกระเป๋าใบเก๋ เข้ากันเป็นอย่างดีค่ะ



- แบบที่ 3 ใส่แบบเน้นสีสัน สำหรับสาวๆ คนที่มีกางเกงยีนส์ขาสั้นที่มีสีสันสดใสสะดุดตา คุณก็สามารถนำสีสันที่มีอยู่นั้นมาเล่นให้เกิดความลงตัวได้ โดยให้โทนสีไปในทิศทางเดียวกันก็ดูสดใสไปอีกแบบนะคะ แต่หากว่าสาวๆ คนไหนยังไม่มั่นใจพอก็อาจจะใส่คู่กับเสื้อสีพื้นเรียบๆ ที่เน้นเป็นสีขาวหรือดำ ก็ได้ค่ะ



- แบบที่ 4 ใส่คู่กับเสื้อคลุมหรือผ้าพันคอ สำหรับ สาวๆ ที่เบื่อการใส่แบบเดิมๆ คุณลองเอาผ้าพันคอเก๋ๆ มาใส่คู่กางเกงยีนส์ขาสั้นของคุณดู ก็จะทำให้ดูไม่เบื่อดูมีลูกเล่นมากขึ้น หรือหากใครมีเสื้อคลุม ไม่ว่าจะเป็นเสื้อคลุมธรรมดา หรือเสื้อคลุมกึ่งสูท ก็นำมาใส่คู่กันได้ทำให้ดูเป็นทางการมากขึ้นค่ะ



- แบบที่ 5 แบบเปรี้ยวซ่าส์ สำหรับ แบบนี้เหมาะกับสาวๆ ที่มั่นใจมากสักหน่อยนะคะถ้าหากกางเกงยีนส์ขาสั้นตัวโปรดของคุณเป็นแบบขาด นิดขาดหน่อยดูลุคเซ็กซี่คุณอาจจะใส่โชว์หน้าท้องแบนราบ(ขอเน้นว่าต้องแบนราบ นะคะ...เพราะถ้าคุณไม่แบนจริงอาจจะดูไม่งามค่ะ) หรือใส่คู่กับเสื้อซีทรู เสื้อเอวลอย เก๋กู๊ด เปรี้ยวได้ใจไปเลยค่ะ

เป็นอย่างไรกันบ้างค่ะ เรื่องราวดีๆ ที่บูรินนำมาฝากหวังว่าจะถูกใจสาวๆ สาวกยีนส์กันพอหอมปากหอมคอนะคะ ถูกใจไม่ถูกใจก็เข้ามาแลกเปลี่ยนความคืดเห็นกันได้ที่นี่เลยค่ะ Face book Sanook Women แล้วคราวหน้าจะมีเรื่องราวดีๆ อะไรมาฝากคุณสาวๆ อีกรอติดตามให้ดีนะคะ

วันเสาร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เรื่องแปลกเมืองไทยที่ฝรั่งต้องอึ้ง!!!

1. ประเทศไทย…ทำไมมีสรรพนาม เรียกแทน ตัวเองและฝ่ายตรงข้ามมากมายหลายคำ ?
ถ้าเป็นภาษาอังกฤษก็จะมีแค่ I กับ You ถ้าเป็นภาษาจีน ก็มี หว่อ
กับ หนี่ แต่ภาษาไทยนี่มีเยอะมากกกก ตั้งแต่ ฉัน-เธอ , เรา-แก , ข้า-เอ็ง ,
ผม-คุณ , เดี๊ยน-หล่อน และอีก สารพัด เปลี่ยนไปตามสถานการณ์ต่างๆ
ถ้าคุยกับพ่อแม่อาจจะเรียกตัวเองว่า หนู
ถ้าคุยกับน้องสาวอาจจะเรียกตัวเองว่าฉัน แต่พอไปคุยกับเพื่อน
อาจเรียกตัวเองว่าเรา เอ๊ะ นั่นน่ะสิ ทำไมคนไทยถึงมีสรรพนามเรียก
แทนตัวเองและคนอื่นเยอะขนาดนี้นะ ? น่าสงสัยเหมือนกันนะ !
2. ประเทศไทย …. ทำไมเมืองหลวงชื่อยาวมาก ?

ชาว ต่างชาติมักรู้จักกรุงเทพฯ ในนาม Bangkok แต่ถ้าใครได้รู้ชื่อ
เมืองหลวงเต็มๆ ของกรุงเทพฯ รับรองว่าอึ้งทุกราย ก็ชื่อเมืองหลวง เต็มๆ
ของกรุงเทพฯ เค้ามีชื่อว่า 

“กรุงเทพมหานคร อมรรัตน โกสินทร์ มหินทรา ยุธยามหาดิลกภพ นพรัตนราชธานีบุรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์ มหาสถาน อมรพิมานอวตารสถิตสักกะทัตติยวิษณุกรรมประสิทธิ์” ว่าแต่น้องๆ ท่องกันได้รึเปล่าล่ะ ?
3. ประเทศไทย …. ทำไมคนไทยนามสกุลยาวจัง ?

ในขณะที่ชาวต่างชาติเค้า นามสกุลสั้นๆ แค่ 2-3 พยางค์
บางชาติก็แค่พยางค์เดียว แต่คนไทยส่วนมากนามสกุลย๊าวยาว บางคนยาวกว่า 8-9
พยางค์ บางคนยาวเป็น 10 พยางค์ก็มี เวลากรอกเอกสารสำคัญๆ
เรียกว่าเขียนเกินหน้ากระดาษกันเลยทีเดียว
4. ประเทศไทย …. ทำไมคนไทยชอบ พิมพ์ 5555 ?
ก็เพราะว่าเลข 5 ในภาษาไทยออกเสียงว่า ‘ห้า’ หรือ พ้องไปเป็น
‘ฮ่า’ ดังนั้นเวลาพิมพ์หรือแชทกัน แล้วรู้สึก ตลกหรือขำ ก็จะพิมพ์แทน
‘ฮ่าฮ่าฮ่า’ ว่า ’555′ บาง คนเผลอเอาไปพิมพ์แชทกับเพื่อน ต่างชาติ
รับรองว่า ฝรั่งงงทุกรายแน่ๆ 555 ไปๆ มาๆ เพื่อนต่างชาติของ
เราดันติดเอาไปใช้คุยกับคนอื่นต่ออีกแน่ะ 555 อ้อ
แต่บางทีคนไทยด้วยกันเองก็มีงงบ้าง เช่น
ค่ารถ เท่าไรอะ
55
จะขำทำไม
เปล่า เฟ้ย หมายถึงค่ารถ 55 บาท
5. ประเทศไทย …. ทำไมอะไรๆ ก็ตีเป็นเลขได้ ?

อู้ ยยย อย่าว่าแต่ฝรั่งเลยที่แปลกใจ
คนไทยด้วยกันเองก็แปลกใจเหมือนกันว่าทำไมทุกอย่างถึงสามารถตีเป็นเลขได้
ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้(ต้นไม้ร้องไห้ มีน้ำไหลออกมาตลอดเวลา)
สัตว์(ควายแรกเกิดมี 2 หัว) ของกิน(แตงโมเผือก)
และอะไรอีกสารพัดก็สามารถเอามาตีเป็นเลขได้ คนไทยนี่สุดยอดจริงๆ เลยนะเนี่ย
อิอิ
6. ประเทศไทย …. ทำไมชื่อเล่นคนไทยถึงแปลกจัง ?
ก็ชื่อเล่นคนไทยมีทั้งชื่อสัตว์(แมว กวาง นก กระต่าย) ผลไม้(ส้ม
เปิ้ล มะปราง ชมพู่) ผัก(คะน้า แตงกวาต้นหอม ขิง) ขนม(วุ้น ปุยฝ้าย เค้ก
ลูกกวาด) เครื่องประดับ (แก้ว แหวน สร้อย) เลข(หนึ่ง สอง สาม สี่)
และอะไรอีกสารพัด เล่นเอาคนต่างชาติอึ้งว่าทำไมถึงตั้งชื่อกันอย่างนี้
มีเพื่อนคนนึงชื่อแตงกวา
คุณเธอไปเรียนต่อที่เกาหลีเลยจัดแจงเปลี่ยนชื่อตัวเองเป็น ‘โออี’ (ภาษา
เกาหลีแปลว่าแตงกวา) ตอนออกไปแนะนำตัวหน้าชั้น
ทั้งอาจารย์ทั้งเพื่อนขำกันยกใหญ่ว่าคนอะไรชื่อแตงกวา
หารู้ไม่ว่าที่เมืองไทยชื่อแตงกวาออกจะน่ารัก ก็แหม
มีใครเคยเจอชาวต่างชาติชื่อ cucumber rabbit necklace อะไรอย่างนี้มั้ยล่ะ?
ไม่มี๊ไม่มี
มีแต่คนไทยเท่านั้นแหละที่สามารถเอาสิ่งรอบตัวมาตั้งเป็นชื่อเล่นได้ !
สุดยอดปะล่ะ !
7. ประเทศไทย …. ทำไม….ไหว้อะไรกันที่หน้า บ้าน ?

นั่นก็หมายถึงศาล พระภูมิเองล่ะค่ะ ฝรั่งบางคน(หรือแทบทุกคน)
ได้เห็นแล้วต้องเป็นงงว่า ‘นี่คืออะไร บ้านนกเหรอ?’ แล้วทำไม
ต้องจุดธูปกับเอาของกินมาถวายบ้านนกด้วยล่ะ ? ดังนั้นก็ต้อง
อธิบายกันซะยืดยาวว่าจริงๆ แล้วนั่นคือศาลพระภูมิที่เชื่อกันว่าเป็นที่
สิงสถิตย์ของเจ้าที่ที่คอยคุ้ม ครอง
แต่แหม พี่ฝรั่งบางคนนึกครึ้มอกครึ้มใจอะไรไม่ทราบ ดันซื้อกลับ
ประเทศไปซะหลายหลัง – -”อย่างนักบอลชื่อดังเดวิด เบคแฮม ก็เป็น
อีกรายที่ซื้อศาลพระภูมิกลับประเทศไปตรึม
8. ประเทศไทย …. ทำไมต้องยืนตรงก่อนหนังฉายในโรงหนัง ?

รับรองเถอะค่ะ
ร้อยทั้งร้อยของชาวต่างชาติที่มีโอกาสได้เข้าไปในโรงหนังของบ้านเรา
ต้องสงสัยทุกรายว่าทำไมต้องยืนตรงก่อนหนังฉาย
ยังไงก็อย่าลืมอธิบายให้เค้าฟังด้วยนะคะว่า ‘ต้อง
ยืนตรงทุกครั้งที่ได้ยินเสียงเพลงสรรเสริญพระบารมี’ (ไม่
ว่าจะอยู่ในโรงหนังหรือไม่ก็ตาม)
เพื่อเป็นการแสดงความเคารพถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของปวงชนชาวไทยนั่น
เองค่ะ ….. เชื่อมั้ยคะว่า
ชาวต่างชาติบางคนรู้สึกขนลุกและประทับใจต่อเพลงสรรเสริญฯ มาก
บางคนมาเมืองไทยทีไร ต้องหาเวลาเข้าโรงหนัง ไม่ได้เข้าไปดูหนังหรอกนะคะ
แต่เข้าไปยืนตรงแล้วฟังเพลง
9. ประเทศไทย …. ทำไมคนไทยต้องติดรูปนี้ไว้บนฝาบ้าน ?

นั่นก็คือพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั่นเองค่ะ
ซึ่งเป็นรูปที่คนไทยต้องมีกันทุกบ้านไม่ว่าจะอยู่ที่มุมไหนของประเทศไทย
คนไทยบางคน(โดยเฉพาะในเมืองนอก)ถึงกับพกพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์
ติดกระเป๋าสตางค์ พอฝรั่งเห็นเข้าก็แปลกใจว่า เอ๊ะ พกรูปใครมาน่ะ Do you
know him personally (รู้จักเค้าเป็นการส่วนตัวเหรอ) ?
เราไม่ได้รู้จักท่านเป็นการส่วนตัว
แต่ท่านคือพ่อของคนไทยทุกคนที่พวกเราทั้งรักและจงรักภักดีต่างหาก….

วันเสาร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2554

วิธีใส่โค้ด ในblogger จร้า



1 ไปที่การออกแบบนะ

ทำตามขั้นตอนเลยจร้า



ส่วนอันนี้ไว้ใส่ templates นะ สามารถหาได้ฟรี ลอง search ใน google เลยจร้า แล้วพิมคำว่า free templates
เอาโค้ดtemplates มาใส่ ใน แก้ไข HTML น้า

วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2554

สอนblogger วิธีทำ blackground เป็นรูปตัวเองนะ

  ก็ลองดูเอาเองละกันนะ สำหรับใครที่ งง ๆ กับการทำ blogger

1 . เข้าไปที่หน้าต่างนี้ กดที่การออกแบบจร้า




เข้าไปก็จะได้ภาพแบบนี้นะ

กดตรงนี้จ้าว
ต่อๆ





กดที่อัปโหลดภาพ เพื่อจะได้เอารูปของตัวเองมาใส่นะ


เสร็จละจร้า